12/12/2555

การเลือกใช้ยางรถยนต์

คนใช้รถยนต์ทุกคนต้องเจอกับปัญหาเรื่องการจะเปลี่ยนยางทั้งนั้น ดังนั้นผมจะขอเขียนบทความที่เกี่ยวกับการเลือกซื้อยางรถยนต์ เพื่อประโยชน์ในการเลือกซื้อครับ
ยางรถยนต์นั้นมีความสำคัญมาก เพราะเป็นเพียงส่วนเดียวที่อยู่ติดกับพื้นถนน ดังนั้นไม่ว่าเราจะเบรค จะเลี้ยว จะเร่ง ยางรถยนต์มีผลกระทบในทุกๆการเคลื่อนที่ของรถยนต์เราก็ว่าได้
สำหรับบทความนี้ผมจะเน้นไปที่การเลือกซื้อยางรถยนต์ใหม่(อาจจะแถมการเลือกยางเปอร์เซ็นต์เล็กน้อย)ปัจจัยในการเลือกใช้ยางรถยนต์หลักๆเลยก็ง่ายๆเลยครับ การใช้งานรถยนต์ของเรานั่นเอง เราควรเลือกใช้งานตามความเหมาะสมเพื่อความปลอดภัย และประหยัดเงินในกระเป๋าท่านเองด้วย วิธีที่จะรู้ว่าท่านใช้รถยนต์แบบไหนก็ให้หากระดาษมา 1 แผ่น แล้วเขียนการใช้งานเป็นข้อๆดังนี้
1.งบประมาณในส่วนนี้นั้นอาจจะยืดยุ่นได้บ้าง เพื่อความปลอดภัย
2.ลักษณะการใช้งาน เช่น ใช้บรรทุกของหนักแค่ไหน ความเร็วที่ใช้มากสุดที่เท่าไหร่ พื้นผิวถนนที่วิ่งประจำเปียก หรือแห้ง(เอาความบ่อยเป็นเกณฑ์) เป็นต้น
 ให้เขียนออกมาเป็นข้อๆ อาจจะแถมพวก ต้องการความเงียบ การรีดน้ำ ประหยัดเชื้อเพลิง อะไรต่างๆนาๆ อันนี้ผมว่าแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล(หรือจะชอบยี่ห้อไหนพิเศษก็ไม่ว่ากัน)

ซึ่งความต้องการต่างๆนี้นั้น รู้หรือไม่ว่าที่แก้มยางของรถยนต์ บอกไว้หมดแล้ว  แต่ตัวหนังสือและตัวเลขมีหลายชุด ตัวไหนที่เราควรรู้หรือตัวไหนดูไว้ผ่านๆ เรามาดูกัน

ชุดนี้จะเห็นเป็น 255/70R16 111H M+S ผมขออธิบายดังนี้
1. 255 ความหมายคือ ความกว้างของยาง(ไม่ใช่ความกว้างของหน้ายางที่เข้าใจกัน)ขณะที่เติมลมได้มาตราฐาน ดังรูป

ซึ่งจะวัดกันเป็นหน่วย มิลลิเมตร
2. 70 เลขตัวนี้จะ่บ่งบอกถึง ความสูงของแก้มยาง โดยคิดเป็นเปอร์เซ็น เช่น ตัวอย่างนี้นั้น ความกว้างคือ 255 มิลลิเมตร ความสูงแก้มยางคือ 70% ของ 255 มิลลิเมตร นั่นคือ 178.5 มิลลิเมตร โดยความสูงนี้วัดจากขอบยางด้านในถึงขอบด้านนอกส่วนหน้ายาง โดยการวัดต้องยังไม่ได้ใส่ล้อแม็กนะครับ
3. R อักษรตัวนี้บ่งบอกว่าเป็นยาง โครงสร้างแบบเรเดียล
4.16 บอกขนาดที่ใส่กับล้อแม็ก ในตัวอย่างคือ 16 นิ้ว โดยวัดจากขอบยางด้านในของยาง ทั้ง 2 ฝั่ง ไม่ใช่วัดจากขอบล้อแม็กขอบนอก ต้องวัดจากส่วนที่ผิวของล้อแม็กสัมผัสกับยาง ทั้ง2 ฝั่ง
5.111 คือดรรชนีบรรทุกน้ำหนัก  ค่าที่เขียนที่แก้มยางคือค่า L1 แล้วก็เอาไปเทียบตามตารางนะครับ



6.H ตัวอักษรนี้เป็นสัญลักษณ์ ที่ไว้บอกความเร็วที่ยางจะรับได้สูงสุด เทียบโดยค่าตาตาราง


7.M+S ตัวอักษรชุดนี้ยางชุดไหนไม่มีก็ไม่เป็นไร พอดียางที่ผมใช้อธิบายมันมีก็เลยแถมไปด้วยเลย ความหมายของมันคือ MUD + SNOW นั่นเอง คือสามารถใช้งานในพื้นผิวที่เป็นโคลนและหิมะได้

พอเรารู้ว่ายางรถยนต์ที่เราจะเลือกควรจะเลือกให้เหมาะกับการใช้งานแล้ว ต่อไปเราต้องมาดูความเก่าใหม่ของยางรถยนต์ที่เราจะซื้อเพื่อที่จะได้ยางใหม่ๆมาใช้ ไม่ใช่ว่าเก็บไว้นานแล้วเอามาขาย ดูตามรูปนะครับ



ตัวเลขในรูปจะบ่งบอกว่ายางเส้นนี้ผลิตเมื่อไหร่ ในรูปคือ 2410 ความหมายคือ สัปดาห์ที่ 24 ปี2010 นั่นเอง

เพียงเท่านี้อ่านผู้อ่านก็สามารถเลือกยางรถยนต์ได้พอเป็นกันบ้างแล้ว แต่รายละเอียดยังไม่ใช่เท่านี้ เพราะเรื่องของดอกยางก็เป็น ปัจจัยใหญ่ๆเช่นกัน หลายๆคนเข้าใจว่าดอกยางมีไว้ให้เกาะถนน จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะสังเกตุรถแข่งทางเรียบพื้นผิวแห้งยางจะไม่มีดอก เพราะต้องการให้หน้ายางสัมผัสกับผิวถนนมากที่สุด แต่ดอกยางมีไว้เพื่อรีดน้ำเมื่อใช้งานในพื้นผิวที่เปียก นั่นเอง

 ถ้าถามว่ายางรถยนต์ชนิดไหนดีกว่ากัน เทียบรุ่นและยี่ห้อต่างๆ แต่ละยี่ห้อก็จะมีพระเอกของยี่ห้อนั้นๆ เพื่อตอบสนองผู้ใช้งานอยู่แล้ว เราควรพิจารณาโดยเทียบใน class เดียวกัน อย่าเอาตัว top ยี่ห้อหนึ่ง ไปเทียบกับ ยางรองtop ของอีกยี่ห้อหนึ่ง แล้วลองชั่งใจระหว่าง ราคา ส่วนผสมของเนื้อยาง แล้วค่อยตัดสินใจ

 ส่วนการเลือกซื้อยางเปอร์เซ็นต์ หรือยางมือสอง ผมขอแนะนำดูดังนี้ อายุยาง การสึกหรอของยาง คุณภาพของยางว่าแข็งไปไหม และต้องไม่มีรอยฉีกขาด หรือปริ ไม่มีรอยแตกลาย ซึ่งสิ่งพวกนี้ก็พอบอกได้ว่ายางเส้นไหนควรซื้อหรือไม่ควรซื้อ

ขอคุณสำหรับการติดตามครับ

12/03/2555

น้ำมันเบรค

ขณะรถยนต์เคลื่อนที่ เราต้องการจะหยุดการเคลื่อนที่ของรถยนต์ เราจะต้องเหยียบเบรคเพื่อให้รถชะลอ หรือหยุด แล้วรถมันหยุดได้อย่างไร การทำงานของเบรคเริ่มจาก เหยียบแป้นเบรค แป้นเบรคจะเป็นแท่งซึ่งด้านหลังจะมีก้านอยู่ เวลาเหยียบก้านนี้นั้นจะไปดันให้น้ำมันเบรคที่อยู่ในปั้มเบรคบน(ไม่รวมหม้อลมเบรคนะ) ดันไปยังปั้มเบรคล่าง ซึ่งปั้มเบรคล่างนี้จะมีลูกสูบเบรคอยู่ พอน้ำมันเบรคเข้าไปดันทำให้ลูกสูบเบรคไปกดผ้าเบรคให้ติดกับผ้าเบรคตามระยะของแรงกด พอจานเบรคเริ่มเกิดการเสียดสีกับผ้าเบรคล้อก็จะหมุนช้าลง นี่คือขั้นตอนการทำงานระบบเบรคแบบง่ายๆ ตามรูป
ส่วนระบบเบรคโดยละเอียดก็แล้วแต่รถยนต์ยี่ห้อ และรุ่นนั้นๆว่าจะสร้างให้มีระบบอะไรบ้างแตกต่างกัน แต่หลักการหลักๆก็เป็นอย่างข้างต้น 
น้ำมันเบรคก็เป็นของเหลวชนิดหนึ่งซึ่งเอาไว้ส่งถ่ายแรงจากเท้าเราไปยังลูกสูบปั้มเบรคล่าง(คาลิเปอร์) ซึ่งเวลาเราเบรคนั้นเมื่อผ้าเบรคมีส่วนผสมของโลหะกับจานเบรคที่เป็นโลหะเสียดสีกัน ก็จะทำให้เกิดความร้อนสะสม ดังนั้นการเลือกน้ำมันเบรค ควรใช้ให้มีมาตราฐาน เพราะถ้าน้ำมันเบรคเกิดเดือดขึ้นมา ก็เหมือนของเหลวทั่วไปเมื่อเกิดการเดือด นั่นคือจะกลายเป็นไอ พออยู่ในสถานะของไอแล้ว คุณสมบัติของเหลวไฮดรอลิค ก็จะหายไป ทำให้ไม่สามารถส่งถ่ายแรงได้ พอส่งถ่ายไปไม่ได้ลูกสูบเบรคล่างก็จะไม่ถูกกดด้วยแรงที่ควรจะเป็น ทำให้ประสิทธิภาพหายไป 

การเลือกน้ำมันเบรคที่เหมาะสม 
สมาคมวิศวกรรมยานยนต์ของอเมริกา(SAE) และกรมการขนส่งของอเมริกา(DOT) และสมาคมกำหนดมาตราฐานระหว่างชาติ(ISO)  ต่างก็กำหนดมาตราฐานของน้ำมันเบรคไว้ มาตราฐานล่าสุดตอนนี้คือ SAE 1703 Jan'80 ส่วน DOT นั้นคือมาตราฐาน  U.S.Federal Motor Vehicle Safety Standard (FMVSS) No.116 Dot3 Dot4 Dot5  ISO คือ 4925-1978
คุณสมบัติน้ำมันเบรคที่มีผลต่อการเบรคคือ จุดเดือด เมื่อแห้งหรือชื้นผลต่อยางแม่ปั้มและลูกสูบปั้มล่าง และต่อชิ้นส่วนต่างๆของระบบเบรค
เราจะเลือกน้ำมันเบรครถยนต์จากมาตราฐาน DOT กัน ที่นิยมมี DOT3 DOT4 DOT5 
DOT5 นี้นั้นจุดเดือดสูงมากที่สุด แต่เนื่องด้วยตัว base เป็นซิลิโคน ทำให้ไม่เกิดการรวมตัวกับน้ำ รถยนต์ที่ใช้วิ่งตามท้องถนน ก็ต้องเจอหลากหลายสภาวะ แน่นอนว่าความชื้นต้องเข้าไปบ้างอยู่แล้ว แล้วถ้าน้ำมันเบรคเราไม่รวมตัวกับน้ำบ้างเลย ก็เกิดมีน้ำในระบบและน้ำจุดเดือดต่ำกว่าน้ำมันเบรคมากพอเกิดความร้อนก็กลายเป็นไอ ทำให้เกิดแรงดันในระบบ แรงดันนี้อาจจะไปดันให้น้ำมันเบรคไปค้างกับลูกสูบปั้มล่าง(คาลิเปอร์) ก็เป็นได้ หรืออาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเบรคอย่างอื่น เช่น สายน้ำมันเบรคแตกก็เป็นได้
DOT3 และ DOT4 ขออธิบายทีเดียว 2 ตัวนี้ใช้ในชีวิตประจำวันปกติได้ทั้งสิ้น เพราะทั้ง2เกรดนี้มีการรวมตัวกับน้ำได้บ้าง สิ่งที่แตกต่างกันคือ จุดเดือด เมื่อมีการรวมตัวกับน้ำ ดังรูป 

ถ้าเป็นผมเลือกเองผมก็คงเลือก DOT 4 เพราะจุดเดือดค่อนข้างสูง เมื่อเกิดความชื้นในระบบ เราเองไม่สามารถรู้ได้ว่าความชื้นในระบบเรามีกี่เปอร์เซ็นต์ ป้องกันไว้แต่เนิ่นๆก็ดีใช่ไหมครับ ส่วน DOT3 ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่เราก็ควรมั่นตรวจสอบอายุการใช้งานสักหน่อยครับ

หวังว่าบทความนี้คงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย ในการที่จะเลือกซื้อน้ำมันเบรคนะครับ ส่วนยี่ห้อแล้วแต่ชอบครับอ่านข้างขวดก่อนว่า มาตราฐานอะไร(ปกติ DOT) แล้วเลือกตามการใช้งานของท่านเลยครับ ส่วนถ้าไปซื้อเองที่ร้านอ่ะไหล่ยนต์ ก็บอกว่า "ซื้อน้ำเบรค ยี่ห้อ... DOT... " ได้เลยครับ นี่คือตัวอย่างครับด้านล่างเขียน DOT4  ขนาด 1 ลิตร
***สำคัญมาก น้ำมันเบรคมีคุณสมบัติกัดกร่อนสีรถยนต์นะครับ ถ้าเติมเองระวังหก โดนสีรถยนต์นะครับ ทางที่ดีเวลาเติมเอง ให้เตรียมน้ำเปล่าไว้ใกล้ๆด้วยครับ ถ้าพลาดเทหกแล้ว เอาน้ำเปล่าที่เตรียมไว้เทตามไปที่จุดที่หกเลยครับ***